ประวัติ ทนายสายหยุด หรือ ทนายปาเกียว เขาเป็นใคร เคยว่าความคดีอะไรบ้าง จนทำให้เป็นที่รู้จัก ก่อนรับเป็นทนายความคดีทนายตั้ม แต่สุดท้ายต้องโบกมือลา
การประกาศ สละเรือ ทิ้งทุ่น โบกมืออำลา ถอนตัวจากการเป็นทนายความ ให้กับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้ต้องหาฉ้อโกง และฟอกเงิน ของ นายสายหยุด เพ็งบุญชู หรือ ทนายสายหยุด ถูกจับตาอีกครั้ง เนื่องจากทนายสายหยุด พูดมาตลอดว่า หากพบว่า คดีฉ้อโกงต่างๆ มีมูลว่าทนายตั้ม อาจกระทำจริง จะขอถอนตัวจากการเป็นทนายความทำให้ชื่อ ทนายสายหยุด ได้รับความสนใจทันที ว่าเขาเป็นใคร
เปิดประวัติ ทนายสายหยุด เคยว่าความคดีอะไรมาบ้าง ?
ทนายสายหยุด บางคนเรียกว่า ทนายปาเกียว เพราะหน้าตาเขาเกิดไปละม้ายคล้าย แมนนี ปาเกียว นักชกชาวฟิลิปปินส์ เคยเป็นหนึ่งในทีมทนายความ ของ บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ทำงานร่วมกับ ทนายตั้ม มานาน
คดีสำคัญที่ เคยว่าความ คือ การเป็นทนายความให้กับ วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และมูลนิธิหลวงตามหาบัว ที่อำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี ช่วงปี 2559 กรณีวัดเสือถูกสัตวแพทย์ที่ทำงานในสวนสัตว์ของวัดนำคลิปวิดีโอและไมโครชิฟของเสือโคร่ง 3 ตัว ออกมาแฉว่า มีคนขับรถเข้าไปในวัด แล้วก็ย้ายเสือออกไป ครั้งนั้น ทนายสายหยุด เตรียมให้วัดฟ้องร้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรณีขนย้ายเสือโคร่งของกลาง 147 ตัว ออกจากวัด อ้างว่า กรมอุทยานฯ ละเมิดข้อตกลงการฝากเลี้ยงเสือ ที่ให้ไว้ในปี 2544 และจะใช้กำลังยึดเสือโดยมิชอบ และยื่นหนังสือร้องเรียนว่า กรมอุทยานฯ ไม่มีสิทธิ์มายึดเสือ
ศาลนัดทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ย โดยทางกรมอุทยานฯ ไม่ให้มีการเลี้ยงเสือ เพื่อการโชว์ ทำให้ปัจจุบันในวัดมีแค่ หมูป่า กวาง วัว และสัตว์ป่าทั่วไป ที่นักท่องเที่ยวคอยให้อาหารเท่านั้นจากคดีนี้ทำให้ชื่อของ ทนายสายหยุด เป็นที่รู้จักกว้างขวาง ใน จ.กาญจนบุรี กระทั่งล่าสุด ทนายสายหยุด มาเป็นทนายความให้กับ ทนายตั้ม และ เดือน ปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้ม แต่แล้วในเวลาต่อมา ทนายสายหยุด ก็ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความให้กับทนายตั้ม หลังพบว่าพยานหลักฐาน ส่อเค้าว่าจะเป็นพยานหลักฐานเท็จ