สะดืออีสาน

สถานที่ท่องเที่ยวสวย จังหวัดมหาสารคาม

  1. ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

    ตั้งอยู่ถนนหน้าโรงเรียน หลักเมืองมหาสารคาม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2508 เมื่อ ท้าวมหาชัยเจ้าเมืองมหาสารคามคนแรก ได้รวบรวม ไพร่พลจากร้อยเอ็ดมาตั้งเมืองใหม่ได้สร้างหลักเมือง และอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมืองมาประทับเพื่อเป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ชาวจังหวัดมหาสารคามให้ ความเคารพนับถือมาก

  2. กู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา)

    ตั้งอยู่บ้านเขวา ตำบลเขวา เป็นโบราณสถานที่มีอายุราวพุทธศตวรรษ ที่ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอโรคยาศาล ในสมัยพระเจ้า ชัยวรมันที่ ๗ เป็นศิลปะขอมแบบบายน ทำด้วยศิลา แลงเป็นรูปกระโจมสี่เหลี่ยม สูงจากพื้นดินถึงยอด 4 วา กว้าง 2 วา 2 ศอก ภายในปราสาทมีเทวรูปทำ ด้วยดินเผา 2 องค์ นั่งขัดสมาธิ ประนมมือ ถือสังข์ มีกำแพงทำด้วยศิลาแลงล้อมรอบ โคปุระ ด้านทิศ ตะวันออกเฉียงใต้มีบรรณาลัย 1 หลัง มีซุ้มประตูอยู่ กึ่งกลางกำแพงแก้ว ด้านหน้าเป็นทางเข้าออกเพียง ด้านเดียว ส่วนอีก 3 ด้าน เป็นประตูหลอก กรอบ ประตูและทับหลังเป็นหินทราย กรมศิลปากรได้ ทำการขุดแต่งเรียบร้อยแล้ว
    กู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา)

  3. วนอุทยานโกสัมพี

    ตั้งอยู่ตำบลหัวขวาง ริมฝั่งแม่น้ำชี ได้รับการประกาศเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2519 ลักษณะเป็นสวนป่ามีต้นไม้หลายชนิด เช่น ต้นยางขนาดใหญ่ ต้นตะแบก ต้นกระทุ่ม ฯลฯ แผ่ กิ่งก้านสาขาปกคลุมติดต่อกัน มีหนองน้ำธรรมชาติ ทัศนียภาพร่มรื่น เป็นที่อยู่อาศัยของนกชนิดต่างๆ และลิงแสมฝูงใหญ่จำนวนหลายร้อยตัว รวมทั้งลิง แสมสีทองซึ่งเป็นพันธุ์หายาก สถานที่น่าสนใจในวนอุทยาน ลิงแสมเป็นสัตว์ประจำถิ่นของป่าแห่งนี้มี 2 พันธุ์ คือ ลิงแสมสีเทาและลิงแสมสีทอง
    วนอุทยานโกสัมพี

  4. หาดวังโก

    ตั้งอยู่บ้านท่าเดื่อ ตำบลหนองบอน ริม ถนนสายท่าพระ-โกสุมพิสัย เป็นหาดทรายที่เกิด จากตะกอนทรายทับถมตามธรรมชาติเป็นแนวโค้ง ของแม่น้ำชี ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร มีเครื่อง เล่นต่าง ๆ เช่น บานานาโบ๊ท โดนัสสกี รวมทั้งร้าน ๆ อาหาร เก้าอี้ผ้าใบและร่มไว้บริการ เปิดทุกวัน เวลา 8.00-18.00 น.
    หาดวังโก

  5. สะดืออีสาน

    อยู่บ้านเขวา ตำบลเหล่า เป็นแหล่งน้ำ ธรรมชาติขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 2,700 ไร่ มี อาณาเขตติดต่อกันหลายตำบล เป็นศูนย์กลางหรือ สะดือของภาคอีสาน อำเภอนาดูน กู่สันตรัตน์ ตั้งอยู่ตำบลกู่สันตรัตน์ เป็นปราสาทหิน ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ศิลปะขอมสมัยบายน อายุระหว่างปี พ.ศ. 1700-1750 ตัว ปราสาทสร้างด้วยศิลาแลงเป็นแท่งสี่เหลี่ยมเหมือนกู่ มหาธาตุ มีทับหลัง ประตูมุขหน้าจำหลักลายสวยงาม
    สะดืออีสาน

  6. พระธาตุนาดูน พุทธมณฑลแห่งอีสาน

    ตั้งอยู่ บ้านนาดูน เป็นเขตที่มีการขุดพบหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง ในอดีต บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของนครจำปาศรี มาก่อน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบได้นำไปแสดงไว้ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่นและที่ สำคัญ คือ การขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อยู่ในตลับทองคำ เงิน และสัมฤทธิ์ นอกจากนี้ยัง พบพระพุทธรูปและพระพิมพ์ลายหลายแบบจำนวนมาก ซึ่งสันนิษฐานว่าอยู่ในสมัยทวารวดี ราวพุทธ ศตวรรษที่ 13-15 รัฐบาลจึงอนุมัติให้ดำเนินการ ก่อสร้างพระธาตุนาดูนขึ้นในเนื้อที่ 902 ไร่ บริเวณ รอบๆ มีพิพิธภัณฑ์ สวนรุกขเวช สวนสมุนไพร
    พระธาตุนาดูน พุทธมณฑลแห่งอีสาน

  7. สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช

    อยู่ทางทิศตะวันออกของ พระธาตุนาดูน เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยอนุรักษ์ พันธุ์ และปรับปรุงพันธุ์ไม้ในภาคอีสาน นอกจากนี้ ภายในสถาบันฯ ยังมีอุทยานลานไผ่ สวนสมุนไพร พิพิธภัณฑ์โรงเกวียนอีสาน และพิพิธภัณฑ์เรือน อีสาน ประกอบด้วย บ้านผู้ไทย บ้านประมงอีสาน บ้านดนตรีอีสาน บ้านเครื่องมือดักสัตว์ บ้านผ้าทอ ฯลฯ สอบถามข้อมูล โทร. 043-723-539, 043-797-048

  8. สิมวัดโพธาราม

    ตั้งอยู่วัดโพธาราม บ้านดงบัง เป็น สถาปัตยกรรมแบบพื้นบ้านอีสาน มีฮูปแต้มทั้งภายใน และภายนอก เขียนด้วยสีฝุ่นผสมกาวไม่มีรองพื้น ใช้ สีของพื้นผนังสมเป็นสีพื้นของฮูปแต้ม สีที่ใช้มีสีฟ้า เขียว แดง ดำ ขาว วรรณะสีส่วนรวมเป็นสีอ่อนไม่ ฉูดฉาด ภาพที่ต้องการเน้นให้เป็นจุดเด่นสะดุดตา จะเขียนสีตรงข้ามตัดกัน เช่น สีครามตัดเส้นด้วยสี น้ำตาล ส้ม และดำ เป็นต้น เนื้อหาเป็นเรื่องพระ เวสสันดร พระพุทธประวัติ พระป่าเลไลยก์ รามสูร เมขลา และเรื่องสังข์ศิลป์ชัย นอกจากนับเป็นแหล่ง ที่ให้ทั้งความงามและความรู้สึกเกี่ยวกับวิถีชีวิตผู้คน อีสานในอดีตอย่างดียิ่ง
    สิมวัดโพธาราม