สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเมืองร้อยเอ็ด
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติร้อยเอ็ด
ตั้งอยู่ที่ถนน เพลินจิต ใกล้ศาลากลางจังหวัด เดิมจัดตั้งตาม ดำริของศาสตราจารย์ ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ เพื่อ จัดแสดงผ้าไหมพื้นเมืองและงานศิลปหัตถกรรม ของจังหวัดร้อยเอ็ด ต่อมากรมศิลปากรมีนโยบาย จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำเมือง เพื่อ แสดงเรื่องราวด้านต่าง ๆ ของจังหวัด สถานที่แห่ง ๆ นี้จึงได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง แห่งแรก เนื้อหาที่จัดแสดงครอบคลุมเรื่องราว ต่าง ๆ ของจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งสภาพภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรณี ประวัติศาสตร์ โบราณคดี วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และงานหัตถกรรมการทอผ้าไหมที่ โดดเด่นของจังหวัด เปิดทุกวันเว้นวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย ๑๐ บาท ชาวต่างชาติ ๓๐ บาท สอบถามข้อมูล โทร. ๐ ๔๓๕๑ ๔๔๕๖
บึงพลาญชัย
เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด ลักษณะเป็น บึงน้ำขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกและพันธุ์ไม้ ต่าง ๆ อันร่มรื่น ในบึงมีปลาหลายพันธุ์ นอกจากนี้ ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลต่าง ๆ ของจังหวัด ภายในบึงพลาญชัยยังมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจคือ ศาล เจ้าพ่อหลักเมือง คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวร้อยเอ็ดเคารพ นับถือ และเชื่อว่าเจ้าพ่อหลักเมืองจะช่วยดลบันดาล ให้ชาวเมืองมีความสุข คิดสิ่งใดสมปรารถนา จึง เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ชาวเมืองร้อยเอ็ดมากราบ นมัสการขอพรเป็นประจำ พระพุทธรูปปางลีลาขนาด ใหญ่กลางสวนดอกไม้ พานรัฐธรรมนูญ นาฬิกา ดอกไม้ ภูพลาญชัยมีลักษณะเป็นน้ำตกจำลอง และ รูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ คล้ายสวนสัตว์ สนามเด็กเล่น และ สวนสุขภาพ บริการรถรางรอบบึงเที่ยวละ ๑๐ บาท
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด
ตั้งอยู่ ใกล้กับบึงพลาญชัย เป็นอาคาร ๒ หลังเชื่อมต่อกัน อาคารแรกประกอบด้วย ห้องโถง ห้องบรรยาย ห้อง นิทรรศการ สำนักงาน ห้องจำหน่ายบัตรและของ ที่ระลึก อาคารที่ ๒ แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ประกอบ ด้วยตู้ปลาน้ำจืดขนาดเล็ก จำนวน ๒๔ ตู้ และ ตู้ปลาขนาดใหญ่ ๔ x ๑๖ เมตร บรรจุน้ำจืด ลูกบาศก์เมตร มีระบบบำบัดแบบกรองชีวภาพ ๑ ตู้ จุดเด่นของอาคารนี้ได้แก่ อุโมงค์ลอดใต้ตู้ปลา ขนาดใหญ่ สามารถชมความเคลื่อนไหวของสัตว์น้ำ ได้รอบทิศทาง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์- อังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา ๐๘.๓๐- ๑๖.๓๐ น. สอบถามข้อมูล โทร. ๐ ๔๓๕๑ ๑๒๘๖
วัดกลางมิ่งเมือง
ตั้งอยู่บนถนนเจริญพาณิชย์ เป็น วัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างก่อนตั้งเมืองร้อยเอ็ด พระอุโบสถสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายในอดีต เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ภาพจิตรกรรมฝาผนังรอบพระอุโบสถเกี่ยวกับพุทธ ประวัติมีศิลปะสวยงามมาก ภายในบริเวณมีโรงเรียน สุนทรธรรมปริยัติเป็นสถานที่ศึกษาปริยัติธรรมและ สอบธรรม สอบถามข้อมูล โทร. ๐ ๔๓๕๑ ๒๕๐๐
วัดบูรพาภิราม
อยู่ในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี เดิมชื่อ วัดหัวรอ ต่อมาได้ เปลี่ยนชื่อเป็น วัดบูรพาภิราม มีพระพุทธรูปปาง ประทานพรที่สูงที่สุดในประเทศไทยคือ พระพุทธ รัตนมงคลมหามุนี หรือหลวงพ่อใหญ่ สร้างด้วย คอนกรีตเสริมเหล็ก ความสูงขององค์พระวัดจาก พระบาทถึงยอดเกศสูงถึง ๕๙ เมตร ๒๐ เซนติเมตร และมีความสูงทั้งหมด ๖๗ เมตร ๘๕ เซนติเมตร ด้านหลังองค์พระบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญ มาจากประเทศอินเดีย ใต้ฐานองค์พระจัดเป็น พิพิธภัณฑ์ หลวงพ่อใหญ่เป็นที่เคารพนับถือของชาว เมืองร้อยเอ็ดเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในบริเวณ วัดยังจัดเป็นอุทยานพุทธประวัติ ที่ตั้งศูนย์งานพระ ธรรมทูต – โรงเรียนปริยัติธรรม และมีศาลเจ้าพ่อมเหศั กดิ์ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวเมืองอยู่ด้วย
พระเจดีย์มหามงคลบัว
สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ แด่พระธรรมวิสุทธิมงคล หลวงตามหาบัว ญาณ สัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานีและ เพื่อเผยแผ่ธรรมะแก่พุทธศาสนิกชน ด้านหน้าเจดีย์ เด่นสง่า ตกแต่งเป็นสระน้ำกว้าง บริเวณโดยรอบร่มรื่น มีพื้นที่รวม ๔๐ ไร่ สอบถามข้อมูล โทร. ๐ ๔๓๕๑ ๕๐๘๒-๕ โทรสาร ๐ ๔๓๕๑ ๑๘๘๗
อำเภอเกษตรวิสัย กู่กาสิงห์
ตั้งอยู่ในวัดบูรพากู่กาสิงห์ ตำบลกู่กาสิงห์ มี ขนาดค่อนข้างใหญ่ ประกอบด้วยปรางค์ ๓ องค์ ตั้ง อยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้า ไปทางทิศตะวันออก มีวิหารหรืออาคารรูปสี่เหลี่ยม ผืนผ้าที่เรียกว่าบรรณาลัย อยู่ทางด้านหน้าทั้งสองข้าง ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงซึ่งมีซุ้มประตูทั้ง ๔ ทิศ ถัดออกไปเป็นคูน้ำรูปเกือกม้าล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง
อำเภอศรีสมเด็จ วัดประชาคมวนาราม หรือ วัดป่ากุง
เลขที่ ๘๐ หมู่ ๑๑ ตำบลศรีสมเด็จ เดิมเป็นวัดร้างมีมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๓ หลังจากพระเทพวิสุทธิมงคล “หลวง ปู่ศรี มหาวีโร” พระเกจิอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐาน (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) เป็นผู้นำศรัทธาขออนุญาต ทางราชการจัดตั้งขึ้นเป็นวัด โดยใช้ชื่อที่ประชาชน ร่วมกันสร้างว่า “วัดประชาคมวนาราม” ในโอกาส พระเทพวิสุทธิมงคล เจริญอายุครบ ๙๐ ปี เจริญ งอกงามในธรรมดำรงสมณะเพศมา ๖๐ พรรษา คณะ ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้ร่วมแรงร่วมใจสร้างพระเจดีย์ หินทรายวัดป่ากุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสมัคร สมานสามัคคีเทิดทูนความดีที่หลวงปู่ศรีได้ประพฤติ ปฏิบัติ และจากความประทับใจของหลวงปู่ที่ได้ไป นมัสการพระเจดีย์บรมพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย จึงเป็นต้นแบบในการสร้างพระเจดีย์ นับเป็นเจดีย์ หินทรายแห่งแรกของประเทศไทย สร้างลดลั่นเป็น ๗ ชั้นตระการตา ตกแต่งผนังด้านนอกเจดีย์
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล
ตั้งอยู่ในวัดผาน้ำทิพย์เทพ ประสิทธิ์วราราม ซึ่งมีเนื้อที่ ๒,๕๐๐ ไร่ กรมศิลปกร ออกแบบและก่อสร้างผสมผสานระหว่างพระปฐม เจดีย์ และพระธาตุพนม องค์พระเจดีย์เป็นสีขาว ตกแต่งลวดลาย ตระการตาด้วย สีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง ๘ มีความกว้าง ๑๐๑ เมตร ความยาว ๑๐๑ เมตร ความสูง ๑๐๑ เมตร สร้าง ในเนื้อที่ ๑๐๑ ไร่ ภายในพระมหาเจดีย์มี ๖ ชั้น ดังนี้ ชั้นที่ ๑ เป็นห้องโถงกว้างใหญ่โออ่า มีรูปปั้นหลวงปู่ ศรี มหาวีโร พระผู้ก่อตั้งวัดฯ ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์ มั่น ภูริทัตโต
สวนพฤกษศาสตร์วรรณคดี
เป็นโครงการสวน พฤกษศาสตร์ในวรรณคดีประจำภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ตั้งอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติดงมะยี่ ตำบลผา น้ำย้อย ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๘๕ กิโลเมตร มี เนื้อที่ประมาณ ๑,๐๐๐ ไร่ ปลูกต้นไม้ตามวรรณคดี เช่น เรื่องพระเวสสันดร ขุนช้างขุนแผน ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย ลานพุทธประวัติ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีสมุนไพรแยกตามสรรพคุณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ถ้ำผาน้ำทิพย์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ ๑๕๑,๒๔๒ ไร่ เป็นเทือกเขาหินทรายสูงชันและสลับซับซ้อน